การควบรวมกิจการของประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบกฎหมาย
เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่ว่าสหภาพยุโรปไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการที่เป็นแม่แบบหนึ่งเดียว
ยกเว้นในส่วนของการแข่งขันทางการค้าและการป้องกันผูกขาดเท่านั้น ดังนั้นจึงมุ่งเน้นการศึกษาค้นคว้ากฎหมายภายใน (Domestic
laws) ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปที่มีระบบกฎหมายที่มีการพัฒนาการเป็นระยะเวลาอันช้านาน
การควบรวมกิจการในประเทศฝรั่งเศส
กฎหมายของฝรั่งเศสที่นำมาใช้บังคับกับการควบรวมและการแยกส่วนบริษัทนั้นได้มีการ
แก้ไขเพิ่มเติมโดย Law No. 88-17 Of January 1988 และ Decree
No. 88-418 of 22 April 1988 ซึ่งออกตามความใน EEC
Directives No. 78/855 of 9 October 1978 (mergers) และNo.
82/891 of 17 December 1982 (Spin Offs) นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการประชาคมยุโรปก็ได้ออกระเบียบ
(Regulation No. 4064/89 of 21 December 1989) ที่เกี่ยวกับระบอบการควบรวมและการแยกส่วน
บริษัทยุโรปที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสมาชิกอีกด้วย
การควบรวมกิจการในประเทศฝรั่งเศสอาจแบ่งได้เป็น
5 รูปแบบ คือ (1) การควบกิจการ (2)
การแยกกิจการ (3) การโอนสินทรัพย์บางส่วน (4)
การโอนสินทรัพย์ และ(5) การได้มาซึ่งหุ้น สาระสำคัญของการควบรวมกิจการในแต่ละรูปแบบ
พอจะกล่าวโดยสรุปตามลำดับได้ดังนี้
(1) การควบกิจการ
ประมวลกฎหมายพาณิชย์ (Code
de commerce) ภายใต้มาตรา L.236-1 วรรค 1
ได้ กำหนดคำนิยามของการควบกิจการไว้ว่า “บริษัทแห่งหนึ่งหรือหลายแห่งอาจโอนสินทรัพย์ของตน
ให้บริษัทที่ดำรงอยู่แล้วหรือบริษัทใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นได้ ด้วยการควบรวมกิจการ”
การควบกิจการเกิดจากการที่บริษัทสองแห่งขึ้นไปรวมเข้าด้วยกัน
โดยการโอนสินทรัพย์และหนี้สิ้นทั้งหมด (Transmission Universelle) ของบริษัทหนึ่งหรือหลายบริษัทไปให้อีก บริษัทหนึ่งหรือหลายบริษัท ทั้งนี้การควบรวมกิจการอาจเกิดขึ้นได้ด้วยการรวมบริษัทสองแห่งขึ้นไป
เป็นบริษัทแห่งใหม่บริษัทเดียว หรืออาจเกิดขึ้นได้ด้วยการที่บริษัทผู้โอนสินทรัพย์และหนี้สิน
(บริษัทผู้ถูกควบ) รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผู้รับโอน (บริษัทผู้เข้าควบ) เพื่อให้ธุรกรรมมีลักษณะเป็นการควบรวมกิจการผู้ถือหุ้นของกิจการซึ่งโอนสินทรัพย์
ต้องได้รับหุ้นจากกิจการที่ได้รับสินทรัพย์
วิธีการควบกิจการที่บริษัทซึ่งถูกควบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผู้เข้าควบเป็น
วิธีการที่แพร่หลายที่สุดโดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากบริษัทที่ควบเข้าด้วยกันมีขนาดที่แตกต่างกัน
บริษัทที่มีอำนาจมากกว่าจะเข้าควบบริษัทอื่น เหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ในการประกอบกิจการ
บางอย่าง บริษัทต้องก่อตั้งมาแล้วตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เช่น ในกรณีของการประกอบกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์
การควบกิจการแตกต่างไปจากการควบรวมกิจการรูปแบบอื่นและประกอบด้วย
สามองค์ประกอบคือการโอนสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทซึ่งถูกควบไปให้กับบริษัทที่เข้าควบ การเลิกกิจการโดยไม่มีการชำระบัญชีของบริษัทที่ถูกควบและการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์
กล่าวคือหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ถูกควบจะกลายเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เข้าควบหรือบริษัทใหม่
สำหรับขั้นตอนในการควบกิจการ
มีดังนี้
1) การเตรียมการ ขั้นตอนการเตรียมการจะมีระยะเวลาที่ขึ้นอยู่กับการศึกษาและตัดสินเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการเงินของธุรกรรม
เงื่อนไขเหล่านี้ อาจบันทึกไว้ใน “Protocole d’ accord” แต่จะไม่เป็นข้อผูกพัน
เป็นเพียงการประกาศเจตนารมณ์ซึ่งมีผลระหว่างคู่สัญญาของ Protocole เท่านั้น และบริษัททุกแห่งที่เข้าร่วมในการควบรวมกิจการจะต้องจัดทำแผนการควบรวมกิจการ
โดยเริ่มจากการปรึกษาหารือของ Work Council ก่อนการประชุมคณะกรรมการที่จัดขึ้นเพื่อสรุปแผนการควบรวมกิจการ
ในกรณีที่แผนการควบรวมกิจการมีผลกระทบต่อพนักงานเพื่อให้สามารถออกความเห็นตามที่ระบุได้
อย่างไรก็ตามความเห็นของ Work Council ไม่ได้มีผลบังคับต่อกรรมการแต่หากไม่มีการปรึกษาหารือของ
Work Council จะทำให้ผู้จัดการได้รับโทษจากความผิด ในการฝ่าฝืนข้อกฎหมาย
ส่วนการจัดเตรียมแผนการควบรวมกิจการกฎหมายไม่ได้กำหนดข้อผูกพันใดๆ
เกี่ยวกับรูปแบบของแผนการควบรวมกิจการ ซึ่งอาจเป็นข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น หรือเป็น ตราสารที่ลงนามโดยโนตารีก็ได้ ภาคผนวกจะถูกแนบไว้เพื่อแสดงถึงวิธีการประเมินและอธิบาย
เหตุผลของการเลือกการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ดีสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจะต้องถูกระบุไว้ในแผนการควบกิจการ
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหากับสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ
(InstitutNationale de la PropriétéIntellectuelle, INPI) ในเวลาที่มีการประกาศ
โดยแผนการควบรวมกิจการจะถูกตัดสินโดยคณะกรรมการของบริษัทที่เข้าร่วมแต่ละแห่ง
ในทางปฏิบัติคณะกรรมการจะตัดสินเกี่ยวกับเนื้อหาของแผนการควบรวมกิจการและให้อำนาจแก่ประธานหรือกรรมการคนหนึ่งในการลงนามแผนการควบรวมกิจการจะต้องได้รับการลงนามโดยผู้แทนของบริษัทแต่ละแห่งที่เข้าร่วมในการควบกิจการและเมื่อแผนการควบกิจการได้รับ
การลงนาม อย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนหน้าการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกที่เรียกจัดขึ้นเพื่อลงมติเกี่ยวกับ
ธุรกรรมใดและจะต้องมีการประกาศแผนโดยการยืน ณ สำนักทะเบียนของศาลพาณิชย์ในท้องที่ของสำนักงานจดทะเบียนของบริษัทที่เข้าร่วมแต่ละแห่งและต้องบอกกล่าวลงในวารสารประกาศกฎหมายของจังหวัดที่สำนักงานจดทะเบียนของบริษัทที่เข้าร่วมแต่ละแห่งตั้งอยู่
2) การดำเนินการควบรวมกิจการธุรกรรม การควบรวมกิจการจะถูกตัดสินโดย
บริษัทที่เข้าร่วมแต่ละแห่ง ตามเงื่อนไขที่กำหนดสำหรับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ
โดยทั่วไป การควบกิจการระหว่างบริษัทจะถูกตัดสินโดยที่ประชุมใหญ่วิสามัญของบริษัทแต่ละแห่งที่เข้าร่วม
ในการควบรวมกิจการ ในทางปฏิบัติกฎของบริษัทแต่ละประเภทมีผลใช้บังคับกับการลงมติเช่น
วิธีการปรึกษาหารือของผู้ถือหุ้น กฎว่าด้วยการบอกกล่าว
ข้อมูลของผู้ถือหุ้นหากผู้ถือหุ้นจะมีภาระผูกพันมากขึ้นอันเนื่องมาจากการควบรวมกิจการ
ก็จำเป็นต้องมีมติที่เป็น เอกฉันท์ของผู้ถือหุ้น
ภาวะของบริษัทที่ถูกควบโดยทั่วไป
การประชุมของบริษัทที่ถูกควบจะมีขึ้นก่อนการประชุมของบริษัทที่เข้าควบ ที่ประชุมต้องเห็นชอบแผนการควบรวมกิจการ
ตลอดจนการโอน สินทรัพย์ให้กับบริษัทที่เข้าควบ และตัดสินใจเลิกกิจการของบริษัทดังกล่าว
การตัดสินใจดังกล่าวทำขึ้นภายใต้เงือนไขของการลงคะแนนเสียงสนับสนุนของที่ประชุมใหญ่วิสามัญของบริษัทที่เข้าควบ
ตลอดจนการให้สัตยาบันแก่ธุรกรรมของที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิเศษ ในบางกรณีแต่หากบริษัทที่ถูกควบเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทที่เข้าควบถือหุ้นร้อยละ
100 ก็จะไม่มีความจำเป็นต้องจัดประชุมเพื่อเห็นชอบการควบรวมกิจการแต่อย่างใด
นอกจากนั้นในบริษัทต่างๆ หากมีหุ้นประเภทต่างกัน การควบรวมกิจการจะต้องจัดให้ที่ประชุมพิเศษของผู้ถือหุ้นแต่ละประเภทให้สัตยาบัน
ซึ่งการให้สัตยาบันจะเกิดขึ้นเมื่อบริษัทที่ถูกควบออกหุ้นปันผลที่ได้รับสิทธิก่อนโดยไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง
หรือหุ้นบุริมสิทธิที่ประชุมพิเศษมีสิทธิจะคัดค้านการยับยั้งการควบรวมกิจการและที่ประชุมใหญ่วิสามัญต้องเคารพการตัดสินใจดังกล่าว
สภาวะของบริษัทที่เข้าควบที่ประชุมใหญ่วิสามัญของบริษัทที่เข้าควบจะลงมติ
ภายใต้การพิจารณาแผนการควบรวมกิจการ
และการรับฟังรายงานของคณะกรรมการและผู้ตรวจสอบการควบรวมกิจการเช่นกัน ที่ประชุมดังกล่าวจะต้องพิจารณาวาระดังต่อไปนี้
คือ เห็นชอบแผนการควบรวมกิจการ เห็นชอบให้เพิ่มทุน ยกเว้นในกรณีที่เป็นการควบรวมกิจการอย่างง่ายและแถลงการณ์ว่าด้วยการเพิ่มทุนและการควบรวมกิจการที่ประชุมใหญ่อาจรับหรือปฏิเสธการ
ประเมินราคาทั้งหมดหรือบางส่วนตลอดจนสัดส่วนในการแลกหุ้น ที่ประชุมใหญ่อาจเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลโดยที่ที่ประชุมใหญ่ของบริษัทที่ถูกควบเห็นชอบตามเพื่อนำปัจจัยเช่น ความเห็นของผู้ตรวจสอบการควบรวมกิจการมาร่วมพิจารณาด้วย
และหากบริษัทที่เข้าควบออกหุ้นหลายประเภท (ตัวอย่างเช่นหุ้นบุริมสิทธิ)
การควบรวมกิจการจะต้องถูกนำเสนอเพื่อให้ได้รับสัตยาบันจากที่ประชุมพิเศษของผู้ถือหุ้นแต่ละประเภท
การให้สัตยาบันดังกล่าวมีความจำเป็นก็ต่อเมื่อสิทธิของผู้ถือหุ้นในประเภทหนึ่งๆ
ได้รับผลกระทบจากการควบรวมกิจการเท่านั้น
3) วันที่การควบรวมกิจการมีผล การควบรวมกิจการจะมีผล
ณ วันที่ธุรกรรมเสร็จสิ้น ซึ่งหมายความถึงวันที่ที่ประชุมใหญ่ของบริษัทที่เข้าร่วมเห็นชอบธุรกรรมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนการควบรวมกิจการอาจระบุให้มีผลในอีกวัน ซึ่งได้แก่ “วันที่มีผลทางบัญชี”
วันที่มีผลทางบัญชีกล่าวคือ
ข้อตกลงการควบรวมกิจการอาจระบุวันที่ ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าธุรกรรมของบริษัทที่ถูกควบในแง่ทางบัญชี
จะถือว่าสำเร็จเสร็จสิ้น ซึ่งวันที่มีผลซึ่งระบุในสัญญาต้องไม่ใช่ภายหลังจากวันสุดท้ายของปี
การเงินปัจจุบันของบริษัทผู้รับ ในกรณีที่มีผลย้อนหลัง
ต้องไม่ใช่ก่อนวันสุดท้ายของการสิ้นสุดปี การเงินสุดท้ายของบริษัทผู้โอนสินทรัพย์ในกรณีที่ผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการเลื่อนออกไป
ผลย้อนหลังและผลที่ถูกเลื่อนออกไป จะเป็นไปได้ในกรณีของการควบระหว่างบริษัทที่มีอยู่แล้วเท่านั้น
ซึ่งการควบกิจการโดยการตั้งบริษัทใหม่จะไม่ยอมรับความเป็นไปได้ในข้อนี้ด้วยเหตุผลทางภาษี
ฝ่ายบริหารไม่ยอมรับการมีผลย้อนหลังนี้
4) การประกาศการควบรวมกิจการบริษัทที่เข้าร่วมต้องยื่นคำประกาศที่ตนบันทึกการกระทำของตนทั้งหมดที่ได้ทำลงไปเพื่อการควบรวมกิจการนี้กับนายทะเบียนศาลพาณิชย์
และต้องยืนยันว่ามีการดำเนินการดังกล่าวตามกฎหมายและระเบียบ เสมียนจะต้องรับรองว่ามีการปฏิบัติตามประกาศทีเป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวภายใต้ความรับผิดชอบของเขา
ซึ่งบริษัททุกรายที่เข้าร่วมในการควบรวมกิจการต้องทำประกาศนี้แม้แต่บริษัทที่กำลังจะหายไป
โดยต้องลงนามโดยกรรมการอย่างน้อย 1 คน
หรือผู้จัดการของบริษัทที่เข้าร่วมแต่ละรายที่ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินดังกล่าว การควบกิจการมีผลบังคับกับบุคคลที่สามหลังจากการตีพิมพ์ในทะเบียนพาณิชย์และบริษัทเท่านั้น
(2) การแยกกิจการ
การแยกกิจการจะมีขึ้นเมื่อบริษัทบริษัทหนึ่งโอนสินทรัพย์ไปให้บริษัทที่มีอยู่เดิมหรือบริษัทใหม่
สินทรัพย์แต่ละส่วนของบริษัทที่หายไปหลังแยกกิจการอาจเป็นทุนของบริษัทใหม่ หรือโอนไปยังบริษัทที่มีอยู่เดิม
การแยกกิจการมีความแตกต่างจากการควบกิจการตรงที่ต้องมีบริษัทอย่างน้อย 2 บริษัทหลังการแยกกิจการ
และการแยกกิจการมีความแตกต่างจากการโอนสินทรัพย์บางส่วน เนื่องจากบริษัทที่ถูกแยกกิจการจะไม่มีอยู่อีกต่อไปหลังจากทำการแยกกิจการ
ในลักษณะเดียวกับการควบกิจการ การแยกกิจการอาจดำเนินการระหว่างบริษัทที่มีรูปแบบต่างกัน
หรือแม้แต่ระหว่างบริษัทในกระบวนการชำระบัญชี
เช่นเดียวกับการควบกิจการ ลักษณะพิเศษจำเพาะของการแยกกิจการประกอบด้วย
ปัจจัยหลักสามประการด้วยกัน อันได้แก่เป็นการเลิกบริษัทโดยไม่มีการชำระบัญชีของบริษัทที่แยกกิจการซึ่งจะไม่มีอยู่อีกต่อไปหลังแยกกิจการการโอนสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทที่ถูกแยกกิจการ
ให้กับบริษัทผู้รับผลประโยชน์ในวันที่มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น และผู้ถือหุ้นของบริษัทที่หายไปหลังแยกกิจการจะได้มาซึ่งอำนาจของการเป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่รับสินทรัพย์ที่ถูกแบ่งแยกตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาการแยกกิจการ
วัตถุประสงค์ของการควบรวมกิจการในลักษณะนี้นั้น
โดยทั่วไปแล้วการแยกกิจการจะเป็นการสร้างมูลค่าที่ดีขึ้นในการลงทุนของผู้ถือหุ้น โดยทำการแบ่งสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทระหว่างบริษัทที่สามารถร่วมมือเพื่อทำธุรกิจอย่างเดียวกัน
อย่างไรก็ตามการแยกกิจการอาจเป็นวิธีมุ่งให้ความสำคัญต่อกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง
หากบริษัทถูกแยกออกเพื่อประโยชน์ของบริษัทใหม่หรือบริษัทเดิมซึ่งมีจำนวนจำกัด นอกจากนั้นเป็นการสร้างความเป็นเอกเทศให้กับ
กิจกรรมแต่ละสาขาซึ่งจะมีโครงสร้างที่แยกต่างหากและมีผู้บริหารและระบบบัญชีของตัวเอง
หรือเป็นการเตรียมการสำหรับการโอนบริษัท รวมไปถึงกันสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ออกไป
ผลสืบเนื่องของการควบรวมกิจการและการแยกกิจการนั้นทำให้เกิดการการถ่ายโอนทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของบริษัทที่ไม่มีอยู่อีกต่อไป
หลังการควบรวมกิจการไปยังผู้กลืน กิจการ ซึ่งการถ่ายโอนดังกล่าวเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ในส่วนของหนี้สินนั้นจะเป็นลูกหนี้ของเจ้าหนีh ไม่มีประกันแทนโดยไม่มีการทำสัญญาใหม่แม้ว่าหนี้ดังกล่าวจะไม่ได้ระบุในสัญญาการควบรวมกิจการ
อย่างไรก็ตามไม่สามารถดำเนินการถ่ายโอนทั้งหมดในสิ่งต่อไปนี้คือสินค้าที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ตามบทบัญญัติทางกฎหมาย
กล่าวคือกรณีการเช่าไร่นา (Bail Rural) หรือ สัญญาIntuitus
Personae ซึ่งตกลงทําขึ้นโดยการพิจารณาบุคคล (คู่สัญญา)
และสัญญาที่คู่สัญญาสามารถกำหนดไม่ให้ทำการถ่ายโอนได้ด้วยความประสงค์ของตนเอง ซึ่งผู้กลืนกิจการสามารถได้มาซึ่งสัญญาดังกล่าวเฉพาะเมื่อบริษัทที่ถูกควบตกลงเท่านั้น
หรือสัญญาของทางราชการซึ่งจะโอนได้เฉพาะเมื่อหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องอนุมัติเท่านั้น
สำหรับสินค้าบางประเภท (อสังหาริมทรัพย์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า
ยานพาหนะ) นั้น การโอนทรัพย์สินดังกล่าวมีผลบังคับต่อบุคคลภายนอก หลังจากการทำตามระเบียบปฏิบัติเฉพาะ
(3) การโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วน
ประมวลกฎหมายพาณิชย์ไม่ได้ให้คำจำกัดความของการโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วนไว้
ทั้งนี้การโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วนเป็นการทำธุรกรรมซึ่งบริษัทแห่งหนึ่งโอนสินทรัพย์ให้แก่บริษัทอีกแห่ง
(ทั้งบริษัทที่ตั้งขึ้นแล้วหรือบริษัทใหม่) ด้วยสินทรัพย์ส่วนหนึ่งของตนและรับหุ้นซึ่งออกโดยบริษัทที่ได้รับโอนเป็นการแลกเปลี่ยน
การโอนสินทรัพย์ดังกล่าวอาจเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวหรือหลายประเภท (หลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ หรืออื่นๆ) หรือสินทรัพย์และหนี้สินที่ติดมากับกิจการที่มุ่งจะทำ
สำหรับในกรณีหลังนั้น ธุรกรรมดังกล่าวจะเหมือนการควบกิจการหรือการแยกกิจการยกเว้นการโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วนไม่มีผลเป็นการเลิกกิจการของบริษัทที่โอนสินทรัพย์
การโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วนจะใช้สำหรับการปรับโครงสร้างหรือการก่อตั้งกลุ่มบริษัท
อนึ่งการโอนสินทรัพย์แต่เพียงบางส่วนเป็นวิธีการตั้งบริษัทในเครือซึ่งมีวัตถุประสงค์
เพื่อปรับองค์กรภายในของกลุ่มซึ่งจะเป็นการก่อตั้งบริษัทในเครือจากแผนกที่มีความเป็นอิสระ
ทางด้านกฎหมายและการเงิน บริษัทที่ประกอบด้วยกิจการหลายประเภทสามารถมอบสินทรัพย์ที่ใช้ในการผลิตของตนได้โดยการโอนให้กับบริษัทในเครือ
และโดยถือครองสินทรัพย์โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในบริษัทในเครือ หรือเพื่อร่วมมือกับบริษัทอื่น
กล่าวคือ บริษัทสองบริษัทจะตั้งบริษัทในเครือร่วมกันโดยการโอนกิจการใดกิจการหนึ่งที่บริษัทแต่ละแห่งแยกกันใช้หาประโยชน์อยู่
หรือเพื่อส่งต่อกิจการให้กับคู่แข่ง กล่าวคือ บริษัทที่โอนสินทรัพย์จะมุ่งให้ความสำคัญกับกิจการหลัก
และในขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมในบริษัทที่ได้รับการโอน
(4) การได้มาซึ่งสินทรัพย์
ในประเทศฝรั่งเศสการได้มาซึ่งทรัพย์สินมีลักษณะเดียวกับการโอนกิจการ
ในการขายกิจการของบริษัท สินทรัพย์และสัญญาบางอย่างถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่ถูกโอน
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้า สินทรัพย์ทีเป็นนามธรรม
สินทรัพย์ทีเป็นรูปธรรม สัญญาจ้างงาน สัญญา ประกันภัย และการเช่าเพื่อการพาณิชย์ต่างๆ)
และจะต้องระบุสินทรัพย์อื่นที่จะโอน เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือสัญญาอื่นไว้อย่างชัดเจน
หากไม่เช่นนั้นจะถือว่าทรัพย์สินดังกล่าวยังเป็นของผู้ขายอยู่ หนี้สินทั้งปวงยังถือว่าเป็นของผู้ขาย
ประมวลกฎหมายพาณิชย์ได้กำหนดเรื่องการขายกิจการในบรรพ
1
ลักษณะ 4 กล่าวคือสัญญาซื้อขายมีการวางระเบียบในเรื่องการได้มาซึ่งทรัพย์สินไว้หลายประการ
การขาย กิจการ จะต้องผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากหลายขันตอน อันได้แก่ สัญญาโอนจะต้องทำเป็นภาษาฝรั่งเศสเพื่อยื่นต่อหน่วยงานภาษีของฝรั่งเศส
และสัญญาซื้อขายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตามระบุไว้ในที่ประมวลกฎหมายพาณิชย์ส่วนการจดทะเบียนต้องจดทะเบียนสัญญาที่ระบุถึงการโอนหรือจดทะเบียนการประกาศตามที่ระบุในประมวลกฎหมายภาษีทั่วไปในกรณีที่ไม่มีสัญญา
และต้องทำประกาศแจ้งติดต่อกันสองคราวในหนังสือพิมพ์เพื่อบอกกล่าว ซึ่งเจ้าหนี้มีเวลา
10 วัน หลังจากมีการลงประกาศครั้งที่สองในการคัดค้านการโอน ด้วยเหตุนี้ราคาซื้อจึงมักจะระบุใน
เอกสารที่คู่สัญญาตกลงมอบให้บุคคลภายนอกเก็บไว้ชั่วคราว จนกว่าจะผ่านระยะเวลาที่กำหนดให้ทำการคัดค้านไป
ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 1654 หากผู้ซื้อปฏิเสธที่จะจ่ายค่าซื้อกิจการ ผู้ขาย สามารถฟ้องขอให้ศาลยกเลิกการดำเนินการดังกล่าวและเพื่อให้การฟ้องขอให้ยกเลิกดังกล่าว มีผล จะต้องทำการระบุและสงวนไว้อย่างชัดแจ้งในรายการที่ลงทะเบียน
การฟ้องร้องดังกล่าวไม่สามารถทำเพื่อให้กระทบกระเทือนบุคคลภายนอกหลังจากพ้นกำหนดของสิทธิพิเศษแล้ว
และจำกัดเฉพาะปัจจัยที่ก่อตัวขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการขายเท่านั้นเช่นเดียวกับสิทธิพิเศษในกรณีที่มีการยกเลิกการขายเนื่องจากศาลสั่งหรือเป็นการเลิกอย่างฉันท์มิตร
ผู้ขายจะต้องรับปัจจัยของธุรกิจที่ขายคืน แม้แต่ปัจจัยที่ผ่านพ้นกำหนดของสิทธิพิเศษหรือการฟ้องขอยกเลิกแล้วก็ตาม
นอกจากนั้นผู้ขายจะต้องรับผิดชอบกับราคาเดิมของสินค้าและอุปกรณ์ที่มีในขณะที่รับความครอบครองคืนตามการประเมิน
ซึ่งทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ต่อหน้าทั้งสองฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นการตกลงกันอย่างฉันท์มิตรหรือตามคำสั่งศาล
และต้องมีการหักลบสำหรับสิ่งที่อาจยังพึงต้องชำระอยู่ตามสิทธิพิเศษเกี่ยวกับราคาสินค้า ราคาสินค้าหรืออุปกรณ์
และหากมีส่วนคงเหลือให้เก็บไว้เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้กับเจ้าหนี้ที่จดทะเบียน
และเจ้าหนี้ที่ไม่มีประกัน
ส่วนการให้ความคุ้มครองแก่ผู้ซื้อก็มีเช่นกัน
หากมีการไม่ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติกล่าวคือ การละเว้นไม่แจ้งข้อมูลตามที่ระบุข้างต้นอาจทำให้สัญญาขายฉบับดังกล่าวถูก
ประกาศให้เป็นโมฆะตามที่ผู้ซื้อได้ทำการร้องขอภายในหนึ่งปี
ผู้ขายต้องทำการโอนสินทรัพย์ให้กับผู้ซื้อโดยการเสนอสินทรัพย์ดังกล่าวในวันที่ทำการโอนสิทธิ
ผู้ขายและผู้ซื้อจะต้องลงชื่อกำกับไว้ในบรรดาสมุดบัญชีที่ผู้ขายเป็นผู้จัดทำขึ้นไว้
สำหรับระยะเวลาสามปี
ก่อนการขายหรือตลอดระยะเวลาที่ผู้ขายครอบครองธุรกิจหากระยะเวลาทำธุรกิจน้อยกวาสามปี
สมุดดังกล่าวจะเป็นรายการทรัพย์สินที่คู่สัญญาลงนามและมอบต้นฉบับอย่างละหนึ่งชุดให้กับคู่สัญญาแต่ละฝ่าย
ผู้โอนสิทธิจะต้องจัดทำสมุดดังกล่าวเพื่อผู้ซื้อ สำหรับระยะเวลาสามปี
นับจากวันที่ผู้ซื้อจะครอบครองธุรกิจดังกล่าวหากไม่มีการส่งมอบรายการหลักของธุรกิจ
ผู้ซื้อสามารถขอยกเลิกการซื้อขายได้ ในกรณีที่มีการส่งมอบไม่ครบผู้ซื้อสามารถเรียกร้องให้ลดราคาลงได้
นอกจากนี้สัญญาซื้อขายมักจะมีคำรับรองและคำรับประกันสำคัญของผู้ขายระบุอยู่
แม้จะมีข้อกำหนดไว้เป็นประการอื่น
แต่ผู้ซื้อจะถูกผูกมัดโดยการค้ำประกัน เกี่ยวกับความไม่ถูกต้องของข้อมูลที่ระบุไว้และให้คนกลางหรือผู้ร่างสัญญาและตัวแทนของบุคคลดังกล่าวร่วมรับผิดกับผู้ขาย
หากบุคคลที่กล่าวมาทราบว่าข้อมูลที่ให้ไว้ไม่ถูกต้อง ในเรื่องนี้ผู้ซื้อสามารถทำการเรียกร้องได้ภายในหนึ่งปี
นับแต่วันที่ผู้ซื้อครอบครองกิจการ
(5) การได้มาซึ่งหุ้น
Public bid (การเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นการทั่วไป
) เป็นวิธีการที่ทำให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลสามารถประกาศให้ประชาชนทั่วไปทราบว่าตนประสงค์ที่จะซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งหากการซื้อหุ้นดังกล่าวจะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด
การเสนอซื้อจะเป็น “offrepubliqued’achat” (OPA) และหากการซื้อหุ้นเป็นไปโดยการนำหุ้นหรือ หลักทรัพย์ในบริษัทอื่นมาแลกกับหุ้นที่มีการเสนอซื้อก็จะเป็น “offrepubliqued’échange”
(OPE) ซึ่งการทำ public bid นี้เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการโอนอำนาจการควบคุม
กฎระเบียบว่าด้วยการเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นการทั่วไป (public bids)
นั้น ถูกจำแนกตามวัตถุประสงค์ของผู้เสนอซื้อในการซื้อหุ้น
กล่าวคือ
1) การเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นการทั่วไปแบบปกติ
(offrespubliquesnormales) ซึ่งจะเป็นกรณีที่ผู้เสนอซื้อหุ้นพยายามที่จะเข้าควบคุมบริษัทที่ออกหุ้นนั้น
2) การเสนอซื้อแบบง่าย
(offrespubliquessimplifiées) เป็นกรณีที่ผู้เสนอซื้อ พยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารทุนของบริษัทอื่นอีกบริษัทหนึ่ง
หรือเพื่อซื้อหุ้นใน บริษัทของตนกลับคืน
3) การเสนอซื้อแบบถอนตัว
(offrespubliques de retrait) ซึ่งเป็นกรณีที่บริษัทจะต้องปิดกิจการไปโดยสิ้นเชิงหรือเพื่อให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยถอนตัวออกไปได้
ที่มา : http://dspace.spu.ac.th/bitstream/123456789/4855/9/9.%20%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%883.pdf
ที่มา : http://dspace.spu.ac.th/bitstream/123456789/4855/9/9.%20%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%883.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นของคุณ