สำหรับรูปแบบของการควบรวมกิจการ
เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว การควบรวมกิจการมักถูก นำมาใช้ในการสร้างอำนาจทางการต่อรองด้านตลาดไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแข่งขันทางการค้าหรือการขยายตลาดสินค้าหรือบริการของตน
ซึ่งลักษณะดังกล่าวมานี้ อาจแบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ
3.1 การควบรวมกิจการในแนวนอน (Horizontal Merger)
เป็นการรวมกิจการ ซึ่งประกอบกิจการเหมือนหรือคล้ายกัน
เพื่อประโยชน์ทางด้านการผลิต หรือการตลาด ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ขายที่อยู่สถานะเดียวกันในกระบวนการผลิต
(Stage
of Production) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างความได้เปรียบขยายกิจการผ่านสาขาของบริษัทที่ถูกควบรวม
เพื่อครอบครองเทคโนโลยีหรือ ใบอนุญาต หรือความนิยม หรือสูตรการผลิต หรือแม้กระทั่งการจัดคู่แข่งให้เหลือผู้ทำธุรกิจประเภทเดียวกันให้น้อยที่สุด
ผลของการรวมกิจการในลักษณะนี้มักกระทบกระเทือนต่อการแข่งขันในการผลิตดังกล่าวในตลาดเดียวกัน
เนื่องจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นสามารถกำหนดราคา ขึ้นลงหรือรักษาระดับราคาของสินค้า
และบริการ (Price-Fixing) ตลอดจนการแบ่งเขตตลาดได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ประกาศซื้อหุ้นมูลค่า 188,888 ล้านบาท ในบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2556
ถือเป็นกรณีที่ผู้ทำธุรกิจ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศเข้าครอบงำกิจการธุรกิจผู้นำในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้า
ระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเองในประเทศไทย
3.2 การควบรวมกิจการในแนวตั้ง (Vertical Merger)
เป็นการรวมกิจการซึ่งประกอบกิจการในสายการผลิตหรือธุรกิจเดียวกัน
แต่ฐานะหรือระดับของการผลิตนั้นแตกต่างกัน เพื่อสามารถทำธุรกิจผลิตหรือให้บริการได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ผลการรวมกิจการรูปแบบนี้ทำให้ลดต้นทุนการผลิตลง เนื่องจากกิจการสามารถควบคุมต้นทุนของตนได้ง่าย
ตัวอย่างของการควบรวมกิจการในรูปแบบนี้คือ การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ปตท. เคมิคอล
จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้อาจเป็นการควบกิจการหรือครอบงำกิจการโดยที่บริษัทที่รวมกิจการนั้น
ไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่มีความสัมพันธ์ทีใกล้ชิดกัน เช่น บริษัท แลนด์
แอนด์เฮ้าส์ จำกัด
(มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซื้อกิจการบริษัท ซี พี เอ็ม จำกัด
ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นซีเมนต์ปูพื้น การรวมกิจการเป็นการเสริมให้ธุรกิจทั้งสองเข้มแข็งขึ้น
3.3 การควบรวมกิจการแบบกลุ่ม หรือการควบรวมกิจการระหว่างกิจการซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน
(Conglomerate Merger)
เป็นการรวมกิจการระหว่างกิจการที่แตกต่าง
สายการผลิต ธุรกิจหรืออยู่คนละส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ไม่ว่าจะเป็นการรวมเอากิจการในฐานะผู้ซื้อ
ผู้ขายหรือผู้ผลิต ผลกระทบจากการรวมกิจการในลักษณะนี้อาจมองเห็นประโยชน์หรือความได้เปรียบบางประการจากการรวมตัวเช่น
การโฆษณา การได้กำไรรวมจากความเป็นธุรกิจ หลายกิจการ ความเสี่ยงจากการลงทุนหรือการขยายตลาดในกิจการใหม่ๆ
เป็นต้น ตัวอย่างของการควบรวมกิจการในรูปแบบนี้คือ การควบรวมกิจการระหว่างบริษัท
จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด และบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) การควบรวมกิจการแบบนี้อาจแบ่งออกเป็นสองประเภทย่อยได้อีกคือ
1) การควบเพื่อขยายประเภทของผลิตภัณฑ์
(Product Extension Merger) เป็นการ ควบกิจการเพื่อมุ่งขยายฐานธุรกิจ
เช่น บริษัทการเงินซื้อกิจการบริษัทประกันภัย
2) การควบเพื่อกระจายธุรกิจอย่างแท้จริง (Pure
Conglomerate Merger) เป็นการควบกิจการโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการกระจายธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงของกลุ่ม
เช่น การที่บริษัท การเงินเข้าซื้อธุรกิจผลิตยางยืดเพื่อให้มีการกระจายรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น หากธุรกิจการเงินอยู่ในช่วงตกต่ำก็จะมีรายได้จากการผลิตยางยืดเข้ามาเสริม
เนื่องจากธุรกิจทั้งสองอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจแตกต่างกันที่มา : http://dspace.spu.ac.th/bitstream/123456789/4855/8/8.%20%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%882.pdf
รูปแบบของการควบรวมกิจการ
ตอบลบสำหรับรูปแบบของการควบรวมกิจการ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว การควบรวมกิจการมักถูก นำมาใช้ในการสร้างอำนาจทางการต่อรองด้านตลาดไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแข่งขันทางการค้าหรือการขยายตลาดสินค้าหรือบริการของตน ซึ่งลักษณะดังกล่าวมานี้ อาจแบ่งได้ 3 รูปแบบ คือ
3.1 การควบรวมกิจการในแนวนอน (Horizontal Merger)
เป็นการรวมกิจการ ซึ่งประกอบกิจการเหมือนหรือคล้ายกัน เพื่อประโยชน์ทางด้านการผลิต หรือการตลาด ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ขายที่อยู่สถานะเดียวกันในกระบวนการผลิต (Stage of Production)
3.2 การควบรวมกิจการในแนวตั้ง (Vertical Merger)
เป็นการรวมกิจการซึ่งประกอบกิจการในสายการผลิตหรือธุรกิจเดียวกัน แต่ฐานะหรือระดับของการผลิตนั้นแตกต่างกัน เพื่อสามารถทำธุรกิจผลิตหรือให้บริการได้อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผลการรวมกิจการรูปแบบนี้ทำให้ลดต้นทุนการผลิตลง
3.3 การควบรวมกิจการแบบกลุ่ม หรือการควบรวมกิจการระหว่างกิจการซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน (Conglomerate Merger)
เป็นการรวมกิจการระหว่างกิจการที่แตกต่าง สายการผลิต ธุรกิจหรืออยู่คนละส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ไม่ว่าจะเป็นการรวมเอากิจการในฐานะผู้ซื้อ ผู้ขายหรือผู้ผลิต ผลกระทบจากการรวมกิจการในลักษณะนี้อาจมองเห็นประโยชน์หรือความได้เปรียบบางประการจากการรวมตัวเช่น การโฆษณา การได้กำไรรวมจากความเป็นธุรกิจ หลายกิจการ ความเสี่ยงจากการลงทุนหรือการขยายตลาดในกิจการใหม่ๆ
นางสาวจิราทร นามพิชัย เลขที่ 26 อังคารเช้า